Hilight
บินตรงไม่ย้อนเส้นทาง
สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ที่ธัมเมทขสถูป
ล่องเรือน้ำคงคา วัดเชตะวันมหาวิหาร
สวมลุมพินีวัน เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช วิหารมายาเทวี
มกุฎพันธนเจดีย์ มหาปรินิพพานสถูป มหาปรินิพพานวิหาร
มหาเจดีย์พุทธคยา นำสวดมนต์ นั่งสมาธิ
รายละเอียดทัวร์
ราคาเริ่มต้น : 23900 | ประเทศ : ทัวร์เอเชีย | จำนวนวัน : 7 วัน 6 คืน | เดือนที่ออกเดินทาง : เดือน มกราคม - มีนาคม 63 | สายการบิน : Air Asia (FD) |
วันที่ 1 - สนามบินดอนเมือง– พาราณาสี–เมืองสารนาถ -ธัมเมกขสถูปป่าอิสิปตนมฤคทาวัน -เจาคันธีสถูป -พิพิธภัณฑ์เมืองสารนาถ -ล่องแม่น้ำคงคา
09.00 น.
คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง บริเวณผู้โดยสารขาออกอาคาร 1ชั้น 3ประตู 2 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Air Asia (FD) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร (แนะนำให้โหลดของที่ไม่จำเป็นลงใต้ท้องเครื่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่อินเดียตรวจอย่าเข้มงวด)
**หมายเหตุ** เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาทีและผู้โดยสารพร้อมณประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก30นาที
12.05 น.
บินลัดฟ้าสู่ เมืองพาราณาสี ประเทศอินเดียโดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD108 ใช้เวลาเดินทางประมาณ3ชั่วโมง 15 นาที (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.05 น.
เดินทางถึงสนามบิน เมืองพาราณาสี ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 1.30ช.ม.) (กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ (ใช้เวลาเดินทาง 30นาที) นำท่าน สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิที่ ธัมเมกขสถูปป่าอิสิปตนมฤคทาวัน เป็น พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่แสดงปฐมเทศนาธรรมจักกัปปวัตนสูตรโปรดเบญจวัคคีย์ทั้งห้าในสมัยพุทธกาลเป็นสถานที่สงบและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าฤษีนักบวชและนักพรตต่างๆที่มาบำเพ็ญตบะและโยคะเพื่อเข้าถึงพรหมัน (ตามความเชื่อของพรามหณ์) ทำให้ปัจจวัคคีย์ที่ปลีกตัวมาจากเจ้าชายสิทธัตถะมาบำเพ็ญตบะที่นี่จากนั้นนำท่านชม เจาคันธีสถูป เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ณสถานที่แห่งนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแล้วปัญจวัคคีย์เมื่อเห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกลจึงทำสัญญากันว่าจะไม่ลุกรับจะไม่ต้อนรับแต่เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงต่างก็ลืมสัญญานั้นสิ้นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัญจวัคคีย์เมื่อเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันนี้ปัจจุบันอยู่ห่างจากสถานที่แสดงปฐมเทศนาไม่ไกลนักประมาณกิโลเมตรเศษมีการสร้างพระสถูปเป็นเครื่องระลึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์เรียกว่าเจาคันธีสถูปสันนิษฐานกันว่าสร้างราวๆพุทธศักราช 1000 ช่วงราชวงศ์คุปตะนำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมืองสารนาถ มีพระพุทธรูปโบราณซึ่งน่าทึ่งและงดงามตามแบบฉบับของคนอินเดียอายุนับพันปีมากมาย จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำคงคา ซึ่งชาวฮินดูเชื่อถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากมวยผมขององค์พระศิวะ (แม่น้ำนี้ไหลมาจากที่ราบสูงทิเบตเทือกเขาหิมาลัยประเทศจีนและเนปาล) ให้ทุกท่านได้ลอยกระทงแม่น้ำคงคาชมสถานที่การเผาศพของชาวฮินดูที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน
ค่ำ
บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Tridev Hotel ระดับ 4 *หรือเทียบเท่า
วันที่ 2 - พาราณสี -สาวัตถี-วัดเชตะวันมหาวิหาร-บ้านอนาถบินฑิกเศรษฐี-บ้านองคุลีมาล
เช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี (ใช้เวลาเดินทาง 7-8 ชั่วโมง) ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล 1 ใน 16 แคว้นเป็นเมืองที่ใหญ่พอกับเมืองราชคฤห์และพาราณสีเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายและเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษารวมทั้งเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดปัจจุบันเมืองนี้เหลือเพียงซากโบราณสถานชมวิถีชีวิตชนบทของประเทศอินเดียระหว่างเดินทาง
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ้านอนาถบินฑิกเศรษฐี เป็นชาวสาวัตถีในสมัยพุทธกาลมีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าเดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐีเกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดาท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญชอบช่วยเหลือคนตกยากทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐีแปลว่าเศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก (แปลตามศัพท์ว่าเศรษฐีผู้มีก้อนข้าวให้กับคนยากจน)อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระโสดาบันท่านจึงมีศรัทธาสร้างวัดเชตวันมหาวิหารถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเงินจำนวนมากท่านได้เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์อย่างดีมากเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่วัดพระเชตวันที่ท่านสร้างมากกว่าที่ประทับใดๆถึง 19 พรรษาเรื่องราวของอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีปรากฏมากมายในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความศรัทธาความมีสติปัญญาและความเอาใจใส่ในการบำรุงพระพุทธศาสนาทำให้ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นอุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน (เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก) ข้างๆบริเวณเดียวกันซึ่งเป็น บ้านองคุลีมาล เป็นบุคคลสำคัญในยุคต้นแห่งพุทธศาสนาโดยเฉพาะตามพุทธประวัติพุทธฝ่ายเถรวาทเดิมนั้นเป็นโจรปล้นฆ่าคนแต่ภายหลังมีศรัทธาในพุทธศาสนาได้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุและบรรลุเป็นพระอรหันต์ นำท่านกราบนมัสการพระพุทธเจ้าที่วัดเชตะวันมหาวิหาร เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นวัดที่พระพุทธเจ้ารวมทั้งพระอรหันต์ได้จำพรรษาอยู่นานที่สุดถึง 19 พรรษาสร้างโดยอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีกล่าวกันว่าต้องขนเงินมาปูพื้นที่ให้เต็มสวนจึงจะซื้อที่ดินมาสร้างวัดถวายแด่พระพุทธเจ้าได้เพราะในสมัยนั้นดินแดนทุกแห่งเป็นของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์นำท่านนมัสการ กุฎิพระพุทธเจ้ากุฎิพระโมคคัลลากุฎิพระสารีบุตรกุฎิพระสิวลีกุฎิพระอานนท์ และสถูปที่บรรจุสารีริกธาตุของพระอรหันต์ชมบ่อน้ำที่พระพุทธเจ้าใช้เป็นที่สรงน้ำตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่
ค่ำ
บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Pawan Palace Hotel ระดับ4*หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 - สาวัตถี-เนปาล-ลุมพินี - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช –วิหารมายาเทวี
เช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
ออกเดินทางสู่ เมืองลุมพินีวัน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ4-5ชั่วโมง) ตั้งอยู่ในเขตประเทศเนปาลผ่านเมืองโครักข์ปูร์และผ่านเมืองชายแดนโสเนาวลีของอินเดียเข้าสู่เมืองสิทธารัตถะของเนปาลเป็นสถานที่ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะเดินทางถึงพรมแดนอินเดีย-เนปาลผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
นำทุกท่านเดินทางสู่ สวนลุมพินีวัน เป็น พุทธสังเวชนียสถาน ที่สำคัญแห่งที่ 1ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธเป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวาแคว้นอูธประเทศเนปาลเป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดียลุมพินีวันเดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะในแคว้นสักกะบนฝั่งแม่น้ำโรหิณีหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วพระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติเรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้ปัจจุบันลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ "เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช" ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะนอกจากนี้ยังมี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรสโดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศกปัจจุบันทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่าและได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้าสันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ
่ค่ำ
บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Zambala Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 - เนปาล-ลุมพินี –เมืองกุสินารา -มกุฎพันธนเจดีย์-พระสถูปปรินิพพาน-เวสาลี-วัดป่ามหาวัน-ปัตนะ
เช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ เมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวาเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้านำท่านเดินทางสู่ มกุฏพันธนเจดีย์ ตั้งอยู่ห่างจากมหาปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก๑กิโลเมตรคนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือรัมภาร์สถูปเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าเดิมทีเป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอมหลังจากที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วก็ได้สร้างพระสถูปครอบลงต่อมาก็ได้ถูกรุกรานทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพังภายหลังได้ถูกขุดค้นพบเป็นซากกองอิฐพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบันพระสถูปนี้วัดโดยรอบฐานได้๔๖.๑๔เมตรและขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง๓๗.๑๘เมตรทั้งนี้ตามหลักฐานก็เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระหรือมกุฏพันธนเจดีย์ตามที่ชาวพุทธเรียกชื่อกันปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดีนำท่านเดินทางไปกราบสักการะ มหาปรินิพพานสถูป ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละคู่เป็นพุทธสถานที่พระพุทธเจ้าประทานการบวชให้สาวกองค์สุดท้ายและยังเป็นที่ตรัสเทศนาปัจฉิมโอวาทสุดยอดแห่งพระธรรมคำสอนคือความไม่ประมาทชม มหาปรินิพพานวิหาร หรือวิหารพุทธไสยาสน์ ตั้งอยู่ด้านหน้าบนฐานเดียวกันกับมหาปรินิพพานสถูปมีบันไดอิฐสูงขึ้นไปบนเนินภายในประดิษฐาน “พระพุทธรูปปางปรินิพพาน”อยู่บนพระแท่นทำด้วยหินทรายแดงหรือเรียกว่าจุณศิลาองค์พระพุทธรูปยาว๒๓ฟุต๙นิ้ว (ราว๗เมตร) กว้าง๕ฟุต๖นิ้วสูง๒ฟุต๑นิ้วศิลปะมถุรามีอายุมากกว่า๑,๕๐๐ปีที่พระแท่นมีรูปสลักของสุภัททปริพาชกกำลังเข้าไปขอบวชและมีรูปสลักพระอนุรุทธะและพระอานนท์อยู่ด้วยพระพุทธรูปองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ที่กำลังเสด็จดับขันธปรินิพพานประทับนอนบรรทมตะแคงขวาโดยหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตกและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมายในจารึกระบุผู้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้คือหริพละสวามีนายช่างผู้แกะสลักชื่อธรรมทินนาเป็นชาวเมืองมถุราในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะเพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดาแสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) คืออาณาจักรหนึ่งของวัชชีหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีปเรียกกันหลายชื่อว่าไวสาลีไพสาลีหรือเวสาลีเนื่องจากในครั้งนั้นกรุงเวสาวีเกิดฝนแห้งข้าวกล้าตายเพราะถูกแดดเผาคนยากจนอดตายศพเกลื่อนกลาดทั่วพระนครอมนุษย์ได้กลิ่นซากศพก็พากันเข้ามาในพระนครผู้คนตายเพิ่มขึ้นเหล่าเจ้าลิจฉวีได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลกพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ปวงสัตว์ทรงมีอานุภาพมากหากพระงค์ทรงเสด็จมาโปรดภัยทุกอย่างก็จักสงบไปจึงส่งเจ้าลิจฉวีชื่อมหาลิซึ่งเป้นผู้ทีพระเจ้าพิมพิสารโปรดปรานและอำมาตย์ผุ้หนึ่งเดินทางไปขอร้องพระเจ้าพิมพิสารให้กราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จไปกรุงเวสาลีพระบรมศาสดาทรงพิจารณาหากได้ตรัสรัตนสูตรในกรุงเวสาลีนอกจากความเดือดร้อนจักสงบลงมหาชนชาววัชชีเมื่อได้ฟังพระสูตรนี้แล้วจักได้บรรลุมมรรคผลจำนวนมากจึงทรงรำคำกราบทูลเชิญของพวกเจ้าลิจฉวี จากนั้นนำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน อารามที่กษัตริย์ลิจฉวีสร้างถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งอยู่ในป่ามหาวันทางเหนือของอาณาจักรวัชชีในป่าหิมาลัยและพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในพรรษาที่ 5 ชมเสาอโศกที่มีรูปสิงห์อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่สมบูรณ์ที่สุดปัจจุบันเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆารามห้องพักห้องประชุม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองปัตนะ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของรัฐพิหารรัฐหนึ่งในประเทศอินเดียปัฏนาเป็นเมืองเก่าแก่ที่ยังมีผู้อาศัยอยู่ต่อเนื่องยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยเมื่อ 2,500 ปีก่อนในสมัยพุทธกาลเมืองแห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆในแคว้นมคธที่ตั้งโดยพระเจ้าอชาตศัตรูเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านสำหรับการเตรียมทำสงครามกับแคว้นวัชชีหลังจากพุทธกาลเมืองนี้มีความสำคัญเพราะได้กลายเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธและมีพระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งพระจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดียคือพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งราชวงศ์เมารยะผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองทรงอุปถัมภ์การทำตติยสังคายนาณอโศการามโดยให้เมืองปัฏนา (หรือปาตลีบุตรตามที่เรียกกันในสมัยนั้น) เป็นศูนย์กลางในการส่งสมณทูตออกเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนอื่นๆทั่วโลกซึ่งรวมถึงสุวรรณภูมิ
ค่ำ
บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Patliputra Continental Hotel ระดับ 4*หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 - นาลันทา-มหาวิทยาลัยนาลันทา-พระพุทธรูปองค์ดำ-ราชคฤห์-เขาคิชญกูฏ-วัดชีวกัมพวัน-วัดเวฬุวนารามมหาสังฆยิกาวาส-เมืองคยา
เช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ นาลันทา เป็นชื่อเมืองๆหนึ่งในแคว้นมคธอยู่ห่างจากพระนครราชคฤห์ประมาณ 1 โยชน์ (ประมาณ 16 กิโลเมตร) ณเมืองนี้มีสวนมะม่วงชื่อปาวาริกัมพวัน (สวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี) ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับแรมหลายครั้งคัมภีร์ฝ่ายมหายานกล่าวว่าพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะซึ่งเป็นอัครสาวกเกิดที่เมืองนาลันทาแต่คัมภีร์ฝ่ายบาลีเรียกถิ่นเกิดของพระสารีบุตรว่าหมู่บ้านนาลกะหรือนาลันทคาม "นาลันทามหาวิชVชาลัยของพุทธศาสนานิกายมหายาน"จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นศูนย์การศึกษาในสมัยพุทธกาลต่อมาในปีพ.ศ. 1742 กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้ยกทัพมารุกรานรบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือกองทัพมุสลิมเติรกส์ได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถานในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมดและสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนานาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้นว่ากันว่าไฟที่ลุกโชนเผานาลันทานานถึง 3 เดือนกว่าจะเผานาลันทาได้หมดจากนั้นนำท่านเดินทางไปนมัสการ พระพุทธรูปองค์ดำ เป็นพรพุทธรูปโบราณที่แกะสลักจากหินสีดำหน้าตักกว้าง๖๐นิ้วพระเกตุทรงดอกบัวตูมปางสมาธิองคุลีของพระหัตถ์ขวาทั้งหมดชี้ลงธรณีแม้พระนาสิกจะหักบิ่นไปแต่ก็ยังทรงความงดงามอยู่มิได้จืดจางเหลือรอดจากการถูกทุบทำลายจากคนศาสนาอื่นและยังมีสภาพที่ค่อนข้างมบูรณ์มีคำบอกเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ว่าเริ่มจากชาวบ้านอินเดียการบนบานศาลกล่าวขอพรจากพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียนั้นเป็นไปในลักษณะเดียวกับคนไทยเวลาลูกไม่สบายก็พากันเอาน้ำมันเนยมาทาที่องค์ท่านก่อนแล้วลูบเอาน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวลูกทำให้ลูกหายเจ็บป่วยหายงอแงกินข้าวได้อ้วนท้วนสมบูรณ์จนหลายคนขนานนามท่านว่าหลวงพ่อน้ำมัน
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ นครหลวงแห่งแคว้นมคธ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชัวโมง) นำท่านเดินทางขึ้น เขาคิชญกูฏ หนึ่งในเบญจคีรีชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามนมัสการถ้ำพระโมคคัลลาชม ถ้ำพระสารีบุตร สถานที่ที่พระสารีบุตรสำเร็จเป็นพระอรหันต์ชมกุฏีของพระอานนท์นมัสการมูลคันธกุฏีสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าไหว้พระสวดมนต์ที่ยอดเขาคิชกูฎจากนั้นนำท่านชม วัดชีวกัมพวัน โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลกและนำท่านเดินทางสู่ วัดเวฬุวนารามมหาสังฆยิกาวาส (วัดเวฬุวัน) วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาและเป็นสถานที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอริยสงฆ์ 1,250 องค์มีสถูปที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลานะและพระอัญญาโกญฑัญญะ สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ เมืองคยาใช้เวลา 2 ชั่วโมง
ค่ำ
บริการอาหารเย็นณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Nalanda Regency Hotel ระดับ 4*หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 - คยา-บ้านนางสุชาดา-แม่น้ำเนรัญชรา-วัดพุทธญี่ปุ่น-วัดพุทธภูฏาน-วัดพุทธทิเบต-วัดไทยพุทธคยา-มหาเจดีย์พุทธคยา-ต้นพระศรีมหาโพธิ์
เ่ช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน เดินทางสู่ บ้านนางสุชาดา เป็นธิดาของเสนียะ ( เสนานิกุฏุมพี) ผู้มีทรัพย์ซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคมตำบลอุรุเวลาเมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยสาวนางได้ทำพิธีบวงสรวงต่อเทพยดาที่สิงสถิตณต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งใกล้บ้านของนางโดยได้ตั้งปณิธานความปรารถนาไว้2ประการคือ
1.ขอให้ข้าพเจ้าได้สามีที่มีบุญมีทรัพย์สมบัติและมีชาติสกุลเสมอกัน
2.ขอให้ข้าพเจ้ามีบุตรคนแรกเป็นชาย
เมื่อความปรารถนาสำเร็จสมบูรณ์ นางได้ทำพลีกรรมบวงสรวงสังเวยเทพยดาด้วยข้าวมธุปายาสในวันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๖ นำท่านชมวิว ริมสองฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน”มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ”แปลว่าแม่น้ำที่มีสีใสสะอาดแม่น้ำทั้งสายกว้างราว๑กิโลเมตรในสมัยพุทธกาลแม่น้ำเนรัญชราไหลผ่านแคว้นมคธณตำบลอุรุเวลาเสนานิคมซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำเนรัญชราอันเป็นภูมิสถานที่สงบน่ารื่นรมย์พระมหาบุรุษทรงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่บำเพ็ญเพียรทรงประทับอยู่ณที่นี้นานถึง๖ปีพระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาและเปลี่ยนมาทรงดำเนินในมัชฌิมาปฏิปทาจนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิณริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพุทธญี่ปุ่น ซึ่งมีหลวงพ่อองค์โตไดบุสซึและพระอรหันต์ที่วัดญี่ปุ่น องค์พระพุทธรูปสร้างจากหินทราย วัดพุทธภูฏาน สร้างขึ้นเมื่อปี 2526 ชาวภูฏานนับถือพระพุทธศานา นิกายนิงมะหมวกดำ มีพระเจ้าแผ่นดินเป็นประธานพุทธบริษัท ถือเป็นชาติที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยประติมากรรมปูนปั้นสามมิติ แสดงพุทธประวัติองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ประสูตจากครรภ์พระมารดา , ออกผนวชแสวงหาหนทางแห่งการดับทุกข์ , ผจญหมู่มารก่อนการตรัสรู้ , รับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา , ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งถือเป็นวัดแห่งเดียวในพุทธยาที่มีศิลปะปูนปั้นสามมิติงดงามเช่นนี้ วัดพุทธทิเบต ด้านหน้าวัดประดับธงนิกายมหายาน พระวิหารงดงามด้วยสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับวัดที่ธิเบต ส่วนพระประทานภายในวิหาร จำลองแบบมาจากพระพุทธเมตตาภายในมหาโพธิ์เจดีย์ ด้านข้างมีรูปปั้นพระพุทธเจ้านับร้อยองค์ เรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่ง ผนังพระวิหารประดับด้วยภาพวาดพุทธประวัติตั้งแต่ประสูต ตรัสรู้ และปรินิพพานและนำท่านชม วัดไทยพุทธคยา เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดียเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2500 มีเนื้อที่ราว 12 ไร่ตั้งอยู่บริเวณพุทธคยาอยู่ห่างจากองค์เจดีย์พุทธคยาประมาณ 500 เมตรเป็นวัดที่อยู่ในความดูแลและอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทยพระอุโบสถของวัดไทยพุทธคยาจำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหารกรุงเทพมหานครซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมของสมัยรัตนโกสินทร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งการจำลองแบบจนดูเหมือนนี้ไม่ใช่เฉพาะภายนอกแต่ยังมีภายในที่เหมือนกันด้วยเช่นองค์พระประธานที่เป็นพระพุทธชินราชแกลประตูแกลหน้าต่างเป็นต้น
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารหรือ ห้องอาหารในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์พุทธคยา เจดีย์พุทธคยาหรือพระมหาโพธิ์เจดีย์คืออนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมทรงสูงเป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบอินเดียสูงประมาณ 170 ฟุตแบ่งออกเป็น 2 ชั้นชั้นแรกประดิษฐานพระพุทธเมตตาพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะปาละเป็นพระพุทธรูปใหญ่หนึ่งเดียวในเจดีย์ที่ไม่ถูกทำลายจากกษัตริย์ชาวฮินดูในสมัยที่มีการกวาดล้างพระพุทธศาสนาในอินเดียส่วนชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางประทานพรบริเวณโดยรอบเจดีย์มีเจดีย์บริวารล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศเดิมเจดีย์พุทธคยาเป็นวิหารขนาดไม่ใหญ่นักต่อมาในปีพ.ศ.674 พระเจ้าหุวิชกะทรงบูรณะเพิ่มเติมให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมในปัจจุบันเจดีย์พุทธคยาถือเป็นแลนด์มาร์คของกลุ่มพุทธสถานพุทธคยา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ด้านหลังมหาเจดีย์ ท่านจะพบกับ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 คือต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับในช่วงเวลาตรัสรู้เป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์มีทั้งหมด 4 ต้น
-ต้นแรกคือต้นที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ซึ่งตายลงในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
-ต้นที่สองคือต้นที่แตกหน่อออกมาจากต้นแรกและได้ถูกทำลายลงในสมัยพระเจ้าสาสังการกษัตริย์ฮินดู
-ต้นที่สามคือต้นที่แตกหน่อออกมาจากต้นแรกและได้ตายลงเพราะขาดการบำรุงดูแลเนื่องจากเป็นช่วงพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียเสื่อมโทรม
-ต้นที่ 4 คือต้นศรีมหาโพธิ์ต้นปัจจุบันที่แตกหน่อมาจากต้นที่ 3 ได้รับการบำรุงดูแลหน่อโดยเซอร์คันนิงแฮมหัวหน้าคณะสำรวจพุทธศาสนสถานในช่วงที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษปัจจุบันมีอายุ 138 ปี
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นที่ประดิษฐานของพระแท่นวัชรอาสน์พระแท่นที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้นเพื่อบูชาสถานที่บำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้าตัวแท่นทำจากทองมีความยาว 7 ฟุตสลักเป็นรูปเพชรพญาหงส์และดอกมณฑารพสลับกันพระและพุทธศาสนิกชนนิยมไปสักการะสวดมนต์หรือนั่งทำสมาธิอยู่รอบๆบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระแท่นวัชรอาสน์แห่งนี้
ค่ำ
บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าที่พัก Bodhagaya Regency Hotel ระดับ 4*หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 - เมืองคยา – กทม. (สนามบินดอนเมือง)
เช้า
บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางเดินทางสู่ สนามบินคยา
10.40 น.
ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD123 ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง50 นาที (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
15.00 น.
เดินทางถึงสนามบินดอนเมืองประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
อัตราค่าบริการนี้รวม ( Tour Price Include )
อัตราค่าบริการนี้รวม
ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดระบุวันเดินทางไป-กลับพร้อมคณะ
ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
ที่พักโรงแรมตามรายการ6 คืน พักห้องละ 2-3 ท่าน (กรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว)
อาหารตามรายการระบุ(สงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20กก.
ค่ารถรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
ค่ามัคคุเทศก์ผู้ชำนาญเส้นทางดูแลตลอดการเดินทาง
ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางคุ้มครองในวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาทและค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุในวงเงินไม่เกินท่านละ 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม ( Tour Price Excluded )
อัตราค่าบริการไม่รวม
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
ค่าทำหนังสือเดินทางไทย,ค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติค่าทำใบอนุญาตกลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ(Re-Entry) หรือ คนต่างด้าว (เป็นหน้าที่ของผู้เดินทางในการจัดทำเอง)
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุเช่นค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเอง, ค่าโทรศัพท์, ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษนอกรายการค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์ทางไกล, ค่าอินเตอร์เน็ตฯลฯ
ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
ค่าปรับสำหรับน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่เกินจากที่ทางสายการบินกำหนดไว้20 กก.
ค่าธรรมเนียมวีซ่าอินเดียแบบ E-Visa แบบ Double (เข้า-ออก 2 ครั้ง ภายใน 30 วัน) และค่าวีซ่าเนปาลค่าท่านละ 1,800 บาท(ชำระพร้อมค่ามัดจำทัวร์)หากต้องการ E-Visa แบบ Multiple (เข้า-ออก หลายครั้งภายใน 1 ปี ) เพิ่มท่านละ 500 บาท
ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,คนขับรถ2,000บาท/ทริป/ลูกทัวร์1ท่าน (ชำระที่สนามบินในวันเดินทาง)
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ตามสินน้ำใจของทุกท่าน(ไม่รวมในทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถแต่ไม่บังคับทิป)
เงื่อนไขการสำรองที่นั่งการชำระเงิน ( Condition of Payment )
เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง
1.กรุณาทำการจองก่อนการเดินทางอย่างน้อย45 วันทำการหรือก่อนหน้านั้นโดยส่งแฟกซ์หรืออีเมลล์รายชื่อและหน้าหนังสือเดินทางเพื่อยันการจองที่นั่งพร้อมชำระมัดจำท่านละ10,000 บาท
2.ค่าทัวร์ส่วนที่เหลือบริษัทฯจะขอเก็บค่าทัวร์ทั้งหมด15 วันก่อนการเดินทางมิเช่นนั้นบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางของท่านและการคืนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
3.เมื่อท่านตกลงชำระเงินค่าบริการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนกับทางบริษัทฯทางบริษัทฯจะถือว่าท่านได้ยอมรับในเงื่อนไขการให้บริการที่ได้ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ทั้งหมดนี้แล้ว
4.ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการยื่นขอวีซ่าประเทศอินเดียแบบ E-Visa ให้กับผู้ร่วมเดินทางเท่านั้น ยกเว้นแต่ผู้ร่วมเดินทางมีวีซ่าปี
เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง/ยกเลิก ( Cancellation and Amendment )
เงื่อนไขการยกเลิก
1.ยกเลิกการเดินทางก่อนการเดินทาง 30 วัน บริษัทฯจะคืนเงินค่ามัดจำให้ทั้งหมด โดยจะหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นค่าธรรมเนียมวีซ่ายกเว้นในกรณีวันหยุดเทศกาล,วันหยุดนักขัตฤกษ์ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินมัดจำโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
2.ยกเลิกการเดินทาง 15 วัน ก่อนการเดินทาง หักค่ามัดจำทัวร์ 50%
3.ยกเลิกก่อนการเดินทาง 7-14 วันเก็บค่าใช้จ่าย100% ของราคาทัวร์ต่อท่าน
4.สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทยและทางบริษัทฯเป็นผู้ยื่นวีซ่าให้เมื่อผลวีซ่าผ่านแล้วมีการยกเลิกการเดินทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่ามัดจำทั้งหมด
เงื่อนไขและข้อกำหนดอื่นๆ ( Other Conditions Restrictions )
เงื่อนไขการให้บริการ
1.โปรแกรมทัวร์นี้จะสามารถออกเดินทางได้ต้องมีจำนวนผู้เดินทางขั้นต่ำ25ท่านรวมในคณะตามที่กำหนดไว้เท่านั้นหากมีจำนวนผู้เดินทางรวมแล้วน้อยกว่าที่กำหนดไว้บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกำหนดการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง15-19ท่านต้องเพิ่มเงินท่านละ2,000บาท, กรณีที่มีผู้เดินทาง20-24ท่านต้องเพิ่มเงินท่านละ1,000บาท
2.ในกรณีที่ท่านไม่ได้รับผลการอนุมัติวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย แบบ E-Visa ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าธรรมเนียมวีซ่า E-Visa และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการขอวีซ่าใหม่โดยตรงกับทางศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย ประจำประเทศไทย
3.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขต่างๆโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯเท่านั้นอีกทั้งข้อสรุปและข้อตัดสินใดๆของบริษัทฯให้ถือเป็นข้อยุติสิ้นสุดสมบูรณ์
4.บริษัทฯและตัวแทนของบริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายการทัวร์ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อจำกัดด้านภูมิอากาศและเวลาณวันที่เดินทางจริงทั้งนี้ทางบริษัทฯจะยึดถือและคำนึงถึงความปลอดภัยรวมถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าส่วนมากเป็นสำคัญ
5.รายการทัวร์นี้เป็นการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ (Join Tour) จัดทำและดำเนินการโดยบริษัทคู่ค้า (Partner)
6.อัตราค่าบริการคิดคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบันบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนราคาค่าบริการในกรณีที่มีการขึ้นราคาค่าตั๋วเครื่องบินค่าประกันภัยสายการบินค่าธรรมเนียมน้ำมันหรือมีการประกาศลดค่าเงินบาทหรืออัตราแลกเปลี่ยนได้ปรับขึ้นในช่วงใกล้วันที่คณะจะเดินทาง
7.ในระหว่างการท่องเที่ยวนี้หากท่านไม่ใช้บริการใดๆไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่สามารถเรียกร้องขอคืนค่าบริการได้
8.หากท่านไม่เดินทางกลับพร้อมคณะทัวร์ตั๋วเครื่องบินขากลับซึ่งยังไม่ได้ใช้ไม่สามารถนำมาขอคืนเงินได้
9.ค่าบริการที่ท่านชำระกับทางบริษัทฯเป็นการชำระแบบเหมาขาดและทางบริษัทฯได้ชำระให้กับบริษัทฯตัวแทนแต่ละแห่งแบบเหมาขาดเช่นกันดังนั้นหากท่านมีเหตุอันใดที่ทำให้ท่านไม่ได้ท่องเที่ยวพร้อมคณะตามรายการที่ระบุไว้ท่านจะขอคืนค่าบริการไม่ได้
10.กรณีเกิดความผิดพลาดจากตัวแทนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนมีการยกเลิกล่าช้าเปลี่ยนแปลงการบริการจากสายการบินบริษัทขนส่งหรือหน่วยงานที่ให้บริการบริษัทฯจะดำเนินโดยสุดความสามารถที่จะจัดบริการทัวร์อื่นทดแทนให้แต่จะไม่คืนเงินให้สำหรับค่าบริการนั้นๆ
11.มัคคุเทศก์พนักงานและตัวแทนของบริษัทฯไม่มีสิทธิ์ในการให้คำสัญญาใดๆทั้งสิ้นแทนบริษัทฯนอกจากมีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของบริษัทฯกำกับเท่านั้น
12.บริษัทฯรับเฉพาะผู้มีวัตถุประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้นการเดินทางของผู้เดินทางด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝงอื่นๆเช่นการไปค้าแรงงานการค้าประเวณีการค้ามนุษย์การขนส่งสินค้าหนีภาษีการขนยาเสพติดการโจรกรรมการขนอาวุธสงครามการก่อการร้ายและอื่นๆที่เข้าข่ายผิดกฏหมายผิดศีลธรรมอันดีบริษัทฯมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือมีส่วนต้องรับผิดชอบใดๆกับการกระทำดังกล่าวทั้งสิ้น
13.หากผู้เดินทางถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆปฏิเสธการเข้า - ออกเมืองด้วยเหตุผลใดๆก็ตามถือเป็นเหตุผลซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจและความรับผิดชอบของบริษัทฯทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบการคืนเงินทั้งหมด
14.ผู้เดินทางต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวและรับผิดชอบต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าต่างๆในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวท่านเองบริษัทฯจะไม่สามารถรับผิดชอบใดๆหากเกิดความไม่พึงพอใจในสินค้าที่ผู้เดินทางได้ซื้อระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวนี้
15.ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบต่อการจัดเก็บและดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของมีค่าต่างๆอย่างระมัดระวังบริษัทฯจะไม่สามารถรับผิดชอบใดๆหากเกิดการสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัวของมีค่าต่างๆระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว
16.บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายของทรัพย์สินและสัมภาระระหว่างการเดินทางอันมีสาเหตุมาจากสนามบินสายการบินบริษัทขนส่งโรงแรมหรือการโจรกรรมแต่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการเรียกร้องค่าชดใช้ให้กับผู้เดินทาง
17.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากการยกเลิกหรือความล่าช้าของสายการบินภัยธรรมชาติการนัดหยุดงานการจลาจลการปฏิวัติรัฐประหารที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อมเช่นการเจ็บป่วยการถูกทำร้ายการสูญหายความล่าช้าหรือจากอุบัติเหตุต่างๆ
18.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบใดๆต่อการไม่เป็นไปตามความคาดหวังและความไม่พึงพอใจของผู้เดินทางที่เกี่ยวข้องกับสภาพธรรมชาติภูมิอากาศฤดูกาลทัศนียภาพวัฒนธรรมวิถีและพฤติกรรมของประชาชนในประเทศที่เดินทางไป
19.ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นหากผู้เดินทางประสบเหตุสภาวะฉุกเฉินจากโรคประจำตัวซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุในรายการท่องเที่ยว(ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัททัวร์)
20.กรณีใช้หนังสือเดินทางราชการ(เล่มน้ำเงิน)เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์ หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า-ออกประเทศใดๆก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าทัวร์และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
21.กรณีที่ท่านต้องออกตั๋วภายในประเทศ เช่น (ตั๋วเครื่องบิน,ตั๋วรถทัวร์,ตั๋วรถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋ว เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆในกรณีถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบินเพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว
22.หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า6เดือนและบริษัทฯรับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น (หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือใช้งานไม่น้อยกว่า6เดือนบริษัทฯไม่รับผิดชอบหากอายุเหลือไม่ถึงและไม่สามารถเดินทางได้
ข้อมูลการยื่นวีซ่า ( Visa Information )
เอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่าประเทศศรีลังกา10 วันล่วงหน้าก่อนเดินทาง
สแกนหน้าพาสปอร์ตสีที่ชัดเจน ห้ามถ่ายจากมือถือ และวันหมดอายุหนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
รูปถ่าย : รูปสี ขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาวเท่านั้น 2 รูป หน้าตรง ไม่ยิ้มเห็นฟัน เก็บผมให้เรียบร้อย
กรณีผู้เดินทางอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ เด็กไม่ได้เดินทาง กับบิดาและมารดา จะต้องมีหนังสือยินยอมให้บุตรเดินทาง ไปต่างประเทศจากเขตหรืออำเภอ (ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ) + หน้าพาสปอร์ตของบิดาและ มารดา + หนังสือรับรองค่าใช่จ่าย
กรณีผู้เดินทางอายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ ต้องเตรียมสำเนาสูติบัตร ภาษาไทย 1 ฉบับ และ ใบสูติบัตรตัวจริง ภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ
กรณีผู้เดินทางอายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ต้องเตรียมเอกสารเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษตัวจริง 1 ฉบับ